การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
การสืบค้นสารสนเทศจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกระบบในปัจจุบัน
ควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการสืบค้นข้อมูลและฐานข้อมูลก่อน
รวมทั้งการสืบค้นข้อมูลจาก
คอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสืบค้นสารสนเทศ
หมายถึง กระบวนการในการค้นหาสารสนเทศที่ต้องการ โดยใช้เครื่องมือสืบค้นรูปแบบต่างๆ การสืบค้นสารสนเทศ แบ่งออกเป็น 2
วิธี คือ
1. การสืบค้นสารสนเทศด้วยระบบมือ (Manual System) เช่น บัตรรายการ บัตรดรรชนีวารสาร
2. การสืบค้นสารสนเทศด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System)
เป็นการสืบค้นที่สามารถกระทำได้โดยผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้แก่ ฐานข้อมูล
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ วารสารอิเล็กทรอนิกส์ และการสืบค้นสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
เครื่องมือการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
เครื่องมือ คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการค้นหาหนังสือที่มีอยู่ในห้องสมุด เพื่อนำมาใช้ประกอบการเรียนรู้ ได้แก่
คอมพิวเตอร์
การสืบค้น คือ การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือในห้องสมุดโรงเรียนว่ามีหนังสือที่ผู้เรียนต้องการหรือไม่
หากมีจะปรากฏอยู่ในหมวดหมู่ใด
ข้อมูล คือ สัญญาณที่มนุษย์รับรู้และนำมาบันทึกในรูปสัญลักษณ์ เมื่อข้อมูลมีการจัดความหมายหรือเนื้อหา
จึงเปลี่ยนเป็นระดับสารสนเทศ
สารสนเทศ คือ ข้อเท็จจริง เหตุการณ์ ที่ถ่ายทอดและบันทึกไว้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์
โสตทัศนวัสดุ คอมพิวเตอร์ และคำพูด เป็นต้น
เพื่อนำไปใช้ ในการตัดสินใจหรือตอบปัญหาต่าง ๆ ได้ (ประภาวดี สืบสนธ์, 2543, หน้า 6)
ส่วนประกอบของเครื่องมือในการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
ประกอบด้วย
1. หน้าจอ คือ อุปกรณ์ส่งออกข้อมูล (Output devices)หรือหน่วยแสดงผลประเภทหนึ่ง
ของคอมพิวเตอร์โดยข้อมูลที่จอภาพแสดงผลนั้นมักจะประกอบด้วยข้อมูลทั้ง
ที่เป็นตัวหนังสือ และภาพกราฟิก
2. แป้นพิมพ์ คือ อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input devices) เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการนำข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยปกติมักจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
หรือใกล้เคียงมีแป้นต่าง ๆ ประมาณร้อยแป้นอยู่บนคีย์บอร์ด (ขึ้นอยู่กับผังแป้นพิมพ์) ซึ่งถอดแบบมาจากเครื่องพิมพ์ดีด
เพื่อให้การป้อนข้อมูลที่เป็นอักขระและตัวเลขทำได้ง่ายและ
สะดวกขึ้น แป้นพิมพ์จึงแยกแผงที่เป็นแป้นอักขระกับแป้นตัวเลขแยกไว้ต่างหาก
3.เมาส์ คือ อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input devices) ที่ใช้ในการควบคุมการใช้งานใน คอมพิวเตอร์ ซึ่งออกแบบ
เพื่อให้พอดีกับการใช้งานโดยส่วนโค้งและส่วนเว้าจะโค้งเข้า
ตามอุ้งมือของผู้ ใช้ โดยด้านใต้ของเมาส์จะมีอุปกรณ์ ซึ่งตรวจจับการเคลื่อนไหวของเมาส์ โดยส่งสัญญาณ
ไปที่คอมพิวเตอร์
4. เคส คือ กล่องสำหรับบรรจุอุปกรณ์ที่ใช้ประมวลผลและหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ เอาไว้ข้างใน
เพื่อประโยชน์ในการยึดอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีความมั่นคง กะทัดรัด
เคลื่อนย้ายได้ ขณะเดียวกัน ก็เพื่อความปลอดภัย เช่น ป้องกันไฟดูด ป้องกันอุปกรณ์สูญหาย และการป้องกัน
การส่งคลื่นรบกวน การทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
5. ซอฟต์แวร์ (Software) เกี่ยว กับงานของห้องสมุด คือ โปรแกรมสืบค้นสารสนเทศ คู่มือเตรียมสอบ ลงฐานข้อมูล CDS/ISIS
เพื่อนำข้อมูลสิ่งพิมพ์เหล่านั้นออกบริการ
และอำนวยความสะดวก ในการค้นหาหนังสือให้กับผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้สามารถส่งประมวลผลผ่านทางเลือกต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
จากระบบเมนู
การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
การสืบค้นสารสนเทศจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกระบบในปัจจุบัน
ควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการสืบค้นข้อมูลและฐานข้อมูลก่อน รวมทั้งการสืบค้นข้อมูลจาก
คอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสืบค้นสารสนเทศ
หมายถึง กระบวนการในการค้นหาสารสนเทศที่ต้องการ โดยใช้เครื่องมือสืบค้นรูปแบบต่างๆ การสืบค้นสารสนเทศ แบ่งออกเป็น 2
วิธี คือ
1. การสืบค้นสารสนเทศด้วยระบบมือ (Manual System) เช่น บัตรรายการ บัตรดรรชนีวารสาร
2. การสืบค้นสารสนเทศด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System)
เป็นการสืบค้นที่สามารถกระทำได้โดยผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้แก่ ฐานข้อมูล
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ วารสารอิเล็กทรอนิกส์ และการสืบค้นสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
เครื่องมือการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
เครื่องมือ คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการค้นหาหนังสือที่มีอยู่ในห้องสมุด เพื่อนำมาใช้ประกอบการเรียนรู้ ได้แก่
คอมพิวเตอร์
การสืบค้น คือ การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือในห้องสมุดโรงเรียนว่ามีหนังสือที่ผู้เรียนต้องการหรือไม่
หากมีจะปรากฏอยู่ในหมวดหมู่ใด
ข้อมูล คือ สัญญาณที่มนุษย์รับรู้และนำมาบันทึกในรูปสัญลักษณ์ เมื่อข้อมูลมีการจัดความหมายหรือเนื้อหา
จึงเปลี่ยนเป็นระดับสารสนเทศ
สารสนเทศ คือ ข้อเท็จจริง เหตุการณ์ ที่ถ่ายทอดและบันทึกไว้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์
โสตทัศนวัสดุ คอมพิวเตอร์ และคำพูด
เป็นต้น เพื่อนำไปใช้ ในการตัดสินใจหรือตอบปัญหาต่าง ๆ ได้ (ประภาวดี สืบสนธ์, 2543, หน้า 6)
ส่วนประกอบของเครื่องมือในการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
ประกอบด้วย
1. หน้าจอ คือ อุปกรณ์ส่งออกข้อมูล (Output devices) หรือหน่วยแสดงผลประเภทหนึ่ง
ของคอมพิวเตอร์โดยข้อมูลที่จอภาพแสดงผลนั้น มักจะประกอบด้วยข้อมูล
ทั้งที่เป็นตัวหนังสือ และภาพกราฟิก
2. แป้นพิมพ์ คือ อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input devices) เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการนำข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยปกติมักจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
หรือใกล้เคียง มีแป้นต่าง ๆ ประมาณร้อยแป้นอยู่บนคีย์บอร์ด (ขึ้นอยู่กับผังแป้นพิมพ์)
ซึ่งถอดแบบมาจากเครื่องพิมพ์ดีด เพื่อให้การป้อนข้อมูลที่เป็นอักขระและตัวเลขทำได้ง่ายและ
สะดวกขึ้น แป้นพิมพ์จึงแยกแผงที่เป็นแป้นอักขระกับแป้นตัวเลขแยกไว้ต่างหาก
3.เมาส์ คือ อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input devices) ที่ใช้ในการควบคุมการใช้งานใน คอมพิวเตอร์ ซึ่งออกแบบ
เพื่อให้พอดีกับการใช้งานโดยส่วนโค้งและส่วนเว้าจะโค้งเข้า
ตามอุ้งมือของผู้ ใช้ โดยด้านใต้ของเมาส์จะมีอุปกรณ์ ซึ่งตรวจจับการเคลื่อนไหวของเมาส์ โดยส่งสัญญาณ
ไปที่คอมพิวเตอร์
4. เคส คือ กล่องสำหรับบรรจุอุปกรณ์ที่ใช้ประมวลผลและหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ เอาไว้ข้างใน
เพื่อประโยชน์ในการยึดอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีความมั่นคง กะทัดรัด
เคลื่อนย้ายได้ ขณะเดียวกัน ก็เพื่อความปลอดภัย เช่น ป้องกันไฟดูด ป้องกันอุปกรณ์สูญหาย และการป้องกัน
การส่งคลื่นรบกวน การทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
5. ซอฟต์แวร์ (Software) เกี่ยว กับงานของห้องสมุด คือ โปรแกรมสืบค้นสารสนเทศ คู่มือเตรียมสอบ ลงฐานข้อมูล CDS/ISIS
เพื่อนำข้อมูลสิ่งพิมพ์เหล่านั้นออกบริการ
และอำนวยความสะดวก ในการค้นหาหนังสือให้กับผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้สามารถส่งประมวลผลผ่านทางเลือกต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
จากระบบเมนู
การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศจากอินเทอร์เน็ต
ความหมายของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต คือระบบเครือข่ายนานาชาติ เกิดจากเครือข่ายย่อย ๆ
มีบริการมากมายสำหรับทุกคนที่ติดต่ออินเทอร์เน็ตสามารถใช้อินเทอร์เน็ตส่งจดหมายคุยกับเพื่อน ๆ
คัดลอกแฟ้มข้อมูล และโปรแกรมจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น รวมทั้งค้นหาข้อมูลสารสนเทศจากแหล่งข้อมูลทั่วโลก
(เครเบรินส์, แอนนา, 2540, หน้า 42)
ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต
1. ทำให้สามารถบริการค้นหาและเข้าถึงข้อมูลโดยผ่าน World Wide Web (WWW) หรือ ที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า เว็บ (Web)
2. สามารถบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล เช่น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail / Electronic mail) การสนทนาทางเครือข่าย (Chat rooms) หรือ ฟอรั่ม (Forum)
3. สามารถใช้บริการการใช้คอมพิวเตอร์ทางไกล เช่น Telnet (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2544, หน้า 5)
คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต
1. ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตทางลามกอนาจาร เช่น ดูเว็บไซต์ลามก ส่ง E-mail ลามก
2. ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตในการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น เช่น พยายามเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดย ไม่ได้รับอนุญาต
3. ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตทำลายผู้อื่น เช่น ปล่อยไวรัส
4. ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตหลอกลวงผู้อื่น เช่น การสนทนาผ่านเครือข่ายเพื่อการหลอกลวงผู้อื่น
5. ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตในการกระทำการทุจริต เช่น ขโมยข้อมูลเรื่องการเงินของธนาคาร ขายของที่ผิดกฎหมาย
ระเบียบและมารยาทในการใช้ห้องสมุดดิจิตอล
1. ระเบียบการใช้ห้องสมุดดิจิตอล
1.1 ใช้เพื่อการสืบค้นข้อมูลประกอบการเรียนเท่านั้น
1.2 ลงทะเบียนจองการใช้เครื่องก่อนทุกครั้ง
1.3 หากไม่มาใช้บริการตามที่จองจะให้ผู้จองลำดับต่อไปใช้สืบค้นทันที
1.4 ไม่นำแผ่นซีดี มาใช้ในห้องสมุดดิจิตอล
1.5 ผู้ที่สืบค้นไม่เป็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรับคำแนะนำก่อนสืบค้น
1.6 ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนสืบค้นทุกครั้ง
1.7 ต้องเสียค่าบริการในการสั่งพิมพ์ข้อมูลทุกครั้งตามที่ห้องสมุดกำหนด
1.8 ไม่นำอาหาร เครื่องดื่มมารับประทานในขณะสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
2. มารยาทการใช้ห้องสมุดดิจิตอล
2.1 ไม่ส่งเสียงดังคุยกันในขณะสืบค้นข้อมูล
2.2 ไม่สืบค้นข้อมูลสารสนเทศนานเกินไปทำให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสสืบค้น
2.3 เก็บเมาส์และแป้นพิมพ์ให้เรียบร้อยตามเดิม
2.4 เก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อยทุกครั้งที่เลิกสืบค้นข้อมูลสารสนเทศแล้ว
2.5 ไม่ขีดเขียนข้อความใด ๆ ลงบนโต๊ะหรือเก้าอี้ตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ใน ห้องสมุดดิจิตอล
วิธีการเข้าถึงและสืบค้นข้อมูลสารสนเทศจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเข้าถึง การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ สนองตอบความต้องการของ ผู้สืบค้นหรือผู้เรียน
แหล่งข้อมูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลทาง
อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ และใหญ่ที่สุดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแทบทุกวินาที
ดังนั้นในการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตควรดำเนินการดังนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์การสืบค้น
ผู้สืบค้นหรือผู้วิจัยที่จะนำข้อมูลสารสนเทศไปใช้ ควรตั้งวัตถุประสงค์การสืบค้นที่ชัดเจน
ทำให้สามารถกำหนดขอบเขตของแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่จะสืบค้นให้แคบลง
กำหนดประเภทของเครื่องมือหรือโปรแกรมสำหรับการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Search Engine ให้เหมาะสม
กำหนดช่วงเวลาที่ข้อมูลสารสนเทศถูกสร้างขึ้น
เช่น ช่วงปีที่ตีพิมพ์ของวารสารอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้เพื่อให้ผลการสืบค้นมีปริมาณไม่มากเกินไป มีความตรง (Validity)
ตามวัตถุประสงค์ และมีความน่าเชื่อถือ (Reliability) มากที่สุด
อีกทั้งยังสามารถสืบค้นได้ผลในเวลาอันรวดเร็ว
2. ประเภทของข้อมูลสารสนเทศที่สามารถสืบค้นได้
ข้อมูลสารสนเทศที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตมีมากมายหลายประเภท มีลักษณะเป็นมัลติมีเดีย คือมีทั้งที่เป็นข้อความ(Text)
ภาพวาด (Painting) ภาพเขียนหรือภาพลายเส้น
(Drawing) ภาพไดอะแกรม(Diagram) ภาพถ่าย (Photograph) เสียง(Sound) เสียงสังเคราะห์ เช่น เสียงดนตรี (Midi)
ภาพยนตร์(Movie) ภาพเคลื่อนไหวอะนิเมชัน (Animation)
จากเทคโนโลยีการสืบค้นที่มีอยู่ในปัจจุบัน การสืบค้นที่เร็วที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด และแพร่หลายที่สุด คือ
การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศประเภทข้อความ สำหรับการสืบค้นข้อมูลที่
เป็นภาพ (Pattern Recognition) และเสียง ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก ใช้เวลานาน และยังไม่มีประสิทธิภาพ
จึงยังไม่มีการสืบค้นข้อมูลประเภทอื่นๆ นอกจากประเภทข้อความในการให้
บริการการสืบค้นบนอินเทอร์เน็ต
3. การสืบค้นต้องอาศัยอุปกรณ์และความรู้
ก่อนที่ผู้สืบค้นจะสามารถสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ตได้ ต้องมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ คือ
เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อเข้าอินเทอร์เน็ตซึ่งอาจเป็น
Modem ในกรณีที่ใช้คู่กับสายโทรศัพท์ หรือแผ่น LAN Card ในกรณีที่ใช้คู่กับระบบเครือข่ายที่ได้รับการติดตั้งไว้แล้ว
ซอฟต์แวร์การสื่อสาร (Communication Software) เช่น
Dial-up Networking ในกรณีใช้ Modem หรือมีการติดตั้งNetwork Protocol
ที่เหมาะสมกับระบบเครือข่ายที่เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นติดตั้งอยู่และติดตั้ง Network Adapter
ที่เหมาะสมสำหรับ LAN Card นั้นๆ ต้องสมัครเป็นสมาชิกขององค์การหรือบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet
Service Provider หรือ ISP) เพื่อเป็นช่องทางออกสู่อินเทอร์เน็ต
นอกจากอุปกรณ์ต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานในการใช้งานคอมพิวเตอร์(ComputerLiteracy)
ความรู้ภาษาอังกฤษเนื่องจากข้อมูลสารสนเทศ
ส่วนใหญ่ในอินเทอร์เน็ตเป็นภาษาอังกฤษ และยังต้องมีการจัดสรรเวลาให้เหมาะสมอีกด้วย
4. บริการบนอินเทอร์เน็ต
บริการบนอินเทอร์เน็ตที่สามารถใช้ช่วยในการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศมีมากมายหลายบริการเช่น บริการเครือข่ายใยแมงมุมโลก
หรือ Word-Wide-Web(WWW)
บริการค้นหาข้อมูล Gopher บริการค้นหาโปรแกรมใช้งาน Archie นอกจากนี้ อาจใช้บริการสอบถามผ่านทาง E-mail หรือ Chat
กับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตอื่นๆ หรือสอบถามผ่าน
News Group หรือ Group/Thread Discussion ก็ได้ เมื่อค้นได้แหล่งข้อมูลแล้วอาจ download
หรือถ่ายโอนข้อมูลที่สืบค้นได้โดยใช้บริการถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลและโปรแกรม
(File Transfer Protocol หรือ FTP) โดยทั่วไปในปัจจุบัน การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ต นิยมใช้โปรแกรม Web
Browsers เช่น Internet Explorer หรือ Netscape
แล้วเรียกใช้บริการ www ประกอบกับการใช้ Search Engine ซึ่งมีอยู่มากมายบนอินเทอร์เน็ตในการสืบค้น
เมื่อสืบค้นได้แล้ว โปรแกรม Web Browsers มักจะมีบริการ Download
ได้ทันทีโดยไม่ต้องอาศัยโปรแกรมอื่นๆเข้าช่วย
5. เครื่องมือหรือโปรแกรมสำหรับการสืบค้น
เครื่องมือหรือโปรแกรมสำหรับการสืบค้น (Search Engine) มีอยู่มากมายและมีให้บริการอยู่ตามเว็บไซต์ต่างๆ
ที่ใช้บริการการสืบค้นข้อมูลโดยเฉพาะ การเลือกใช้นั้นขึ้นกับ
ประเภทของข้อมูลสารสนเทศที่ต้องการสืบค้น Search Engine ต่างๆ จะให้ข้อมูลที่มีความลึกในแง่มุมหรือศาสตร์ต่างๆ
ไม่เท่ากัน ตัวอย่าง Search Engine ที่นิยมใช้มีทั้งเว็บไซต์
ที่เป็นของต่างประเทศ และของไทยเอง ตัวอย่างเว็บไซต์ของต่างประเทศ ได้แก่
http://www.yahoo.com
http://www.google.com
http://www.infoseek.com
http://www.ultraseek.com
http://www.lycos.com
http://www.excite.com
http://www.altavista.digital.com
http://www.opentext.com
http://www.hotbot.com
http://www.webcrawler.com
http://www.dejanews.com
http://www.elnet.net
เป็นต้น สำหรับเว็บไซต์ของไทย ได้แก่ http://www.sanook.com http://www.siamguru.com เป็นต้น
เทคนิคการสืบค้นข้อมูล
เพื่อประหยัดเวลาในการสืบค้น ได้ข้อมูลในปริมาณไม่มากเกินไป และได้ผลการสืบค้นที่ตรงตามประสงค์ของผู้สืบค้น
สามารถใช้เทคนิคเหล่านี้ ได้แก่
1. เลือก Search Engine ที่เหมาะสม
2. เลือกเว็บไซต์ที่อยู่ใกล้และอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
3. การเลือกใช้คำสำคัญ (Keyword) หรือหัวเรื่อง(Subject) ที่ตรงกับเรื่องที่ต้องการ
4. กำหนดขอบเขตของคำค้น โดยใช้ตัวเชื่อมบูลีน(Boolean Operators) เช่น AND OR NOT NEAR BEFORE เป็นต้น
หรือการค้นวลี(Phrase Searching)การตัดคำ
หรือการใช้คำเหมือน ดังต่อไปนี้
4.1 Boolean Operators
- AND หรือ เครื่องหมาย + ใช้เมื่อต้องการให้ค้นเอกสารที่มีคำทั้งสองคำปรากฏ เช่นค้นหาคำว่า Research AND Thailand
ข้อมูลที่ได้จะมีเฉพาะคำว่า
Research และ Thailand อยู่ในเอกสาร
- OR ใช้เมื่อต้องการค้นหน้าเอกสารที่มีคำใดคำหนึ่งปรากฏ เช่น Research ORThailand
ข้อมูลที่ได้จะมีคำใดคำหนึ่งหรือมีทั้งสองคำปรากฏอยู่ในเอกสาร
- NOT หรือ เครื่องหมาย – ใช้เมื่อต้องการตัดคำที่ไม่ต้องการให้ค้นออก (คำหลัง NOTหรือ เครื่องหมาย -) เช่น Research
NOT Thailand ข้อมูลที่ได้จะมีคำว่า
Research แต่จะไม่มีคำว่า Thailand อยู่ในเอกสาร
- NEAR ใช้เมื่อต้องการให้คำที่กำหนดอยู่ห่างจากกันไม่เกิน 10 คำ ในประโยคเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน
(อยู่ด้านหน้าหรือหลังก็ได้) เช่น Research NEAR Thailand
ข้อมูลที่ได้จะมีคำว่าResearch และ Thailand ที่ห่างกันไม่เกิน 10 คำ ตัวอย่างเช่น Research on the Cost
ofTransportation in Thailand
- BEFORE ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้คำแรกปรากฏอยู่ข้างหน้าคำหลังในระยะห่างไม่เกิน8 คำ เช่น Research BEFORE Thailand
- AFTER ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้คำแรกปรากฏอยู่ข้างหลังคำหลังในระยะห่างไม่เกิน8 คำ เช่น Research AFTER Thailand
- (parentheses) ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้ทำตามคำสั่งภายในวงเล็บก่อนคำสั่งภายนอกเช่น (Research OR Quantitative) and
Thailand
4.2 การค้นวลี (Phrase searching ) เป็นการใช้เครื่องหมายอัญประกาศ (“ ”)
เมื่อต้องการกำหนดให้ค้นเฉพาะหน้าเอกสารที่มีการเรียงลำดับคำตามที่กำหนดเท่านั้น
เช่น “Methodology Research”
4.3 การตัดคำ (Word stemming / Truncation) เป็นการใช้เครื่องหมาย asterisk (*) ตามท้ายคำ 3 คำขึ้นไป
เพื่อค้นหาคำที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรที่กำหนด
เช่น Research*
4.4 คำพ้องความหมาย (Synonym )เป็นการใช้คำเหมือนที่มีความหมายเดียวกันหรือใกล้เคียงกันเพื่อช่วยให้ค้นเรื่องที่ครอบคลุม เช่น Ocean Sea Marine
4.5 เขตข้อมูลเพื่อการค้น (Field Searching) เป็นการกำหนดเขตข้อมูลเพื่อการค้น เช่น ชนิดของข้อมูล หรือที่อยู่ของข้อมูล เป็นต้นเช่น text: “green tea” url: NASA
4.6 ตัวเล็กตัวใหญ่ถือว่าต่างกัน (Case sensitive) เป็นการใช้ตัวอักษรใหญ่กับตัวเล็กในความหมายที่แตกต่างกัน
เช่นใช้ตัวอักษรใหญ่ขึ้นต้นชื่อเฉพาะ
เช่น George W. Bush
4.7 ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) เป็นการสืบค้นจากคำถามที่เป็นภาษาธรรมชาติ เช่น
ใช้คำถามภาษาอังกฤษง่ายๆที่ต้องการให้ Search Engine หาคำตอบให้
เช่น What is Research?
ข้อดีของการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ต
การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตมีข้อดีหลักๆ ดังต่อไปนี้
1. ขอบเขตของข้อมูลสารสนเทศกว้างขวางมาก มีความหลากหลาย ไร้พรมแดน
2. ข้อมูลสารสนเทศที่สืบค้นได้มีความทันสมัยมาก เนื่องจากผู้สร้างข้อมูลสามารถแก้ไขปรับปรุงได้ง่ายและทำได้ตลอดเวลา
3. สะดวกมาก ไม่มีข้อจำกัดในแง่ของเวลาและสถานที่ สามารถสืบค้นเวลาใดก็ได้ที่ใดก็ได้
4. สามารถสืบค้นได้ง่ายและรวดเร็วโดยอาศัย Search Engine
5. การได้มาซึ่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตใช้เวลาสั้นมาก เมื่อเทียบกับการส่งเอกสารวิธีอื่นๆ
6. การได้มาซึ่งข้อมูลนั้น ประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากร
7. จัดเป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
8. ข้อมูลสารสนเทศที่สืบค้นมามีประโยชน์มาก สามารถนำไปจัดหมวดหมู่ ทำฐานข้อมูลบรรณาธิการ และจัดการต่อได้โดยง่าย
9. ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self Directed Learning ) และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต(Life Long Learning)
ข้อจำกัดของการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ต
ถึงแม้ว่าการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ตจะมีข้อดีอย่างเห็นได้ชัด
การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ตก็มีข้อจำกัดหรือข้อเสียอยู่บ้าง ดังนี้
1. ข้อมูลสารสนเทศที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตมีความครอบคลุมกว้างขวางมาก มีความหลากหลาย ไร้พรมแดน
จึงทำให้ผู้ใช้ที่ไม่มีทักษะการสืบค้นอาจเกิดปัญหาเนืองจากได้
ข้อมูลสารสนเทศที่ไม่ตรงตามความต้องการเป็นจำนวนมากทำให้เสียเวลา
2. ข้อมูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตถูกปรับปรุงแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การอ้างอิงเอกสารทำได้ลำบาก
เพราะการเข้าไปสืบค้นเอกสารอีกครั้งหนึ่งในวันข้างหน้าเอกสาร
ดังกล่าวอาจจะไม่อยู่แล้วหรือเนื้อหาข้อความอาจถูกปรับเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
3.
ข้อมูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตที่ได้มาจะต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลที่ได้มาด้วยว่ามีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน
การประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งงข้อมูล
เพื่อเป็นการตรวจสอบความน่าเชื่อของแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่สืบค้นมาได้ผู้สืบค้นสามารถประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลได้จาก
12 องค์ประกอบ
(สุกัญญา ประจุศิลปะและคณะ, 2547) ดังนี้
1. บอกวัตถุประสงค์ในการสร้างหรือเผยแพร่ข้อมูลไว้ในเว็บไซต์
2. การเสนอเนื้อหาตรงตามวัตถุประสงค์ในการสร้างหรือเผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์
3. เนื้อหาเว็บไซต์ไม่ขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรม และจริยธรรม
4. มีการระบุชื่อผู้เขียนบทความหรือผู้ให้ข้อมูลบนเว็บไซต์
5. มีการให้ที่อยู่ (e-mail address) ที่ผู้อ่านสามารถติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้
6. มีการอ้างอิงหรือระบุแหล่งที่มาของข้อมูลของเนื้อหาที่ปรากฏบนเว็บไซต์
7. สามารถเชื่อมโยง (link)ไปเว็บไซต์อื่นที่อ้างถึงได้
8. มีการระบุวันเวลาในการเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์
9. มีการระบุวันเวลาในการปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด
10.มีช่องทางให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็น
11.มีข้อความเตือนผู้อ่านให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์
12.มีการระบุว่า เป็นเว็บไซต์ส่วนตัวหรือระบุแหล่งที่ให้การสนับสนุนในการสร้างเว็บไซต์
ขั้นตอนการสืบค้นข้อมูล
ขั้นตอนการสืบค้นข้อมูลด้วยโปรแกรม Search Engine โดยใช้งานผ่านเว็บไซต์ Google.com สามารถใช้งานได้ดังนี้
1. เปิดโปรแกรม Web Browser ตัวอย่างเช่น Internet Explorer หรือ Mozilla Firefox
2. ป้อนคำหรือวลีที่ต้องการค้นข้อมูลลงในช่องสำหรับกรอกคำค้นข้อมูลหลังจากนั้นกดปุ่ม Enter
จะได้ข้อมูลที่ต้องการค้นหาดังภาพด้านล่าง
3. เมื่อต้องการค้นข้อมูลที่เป็นรูปภาพสามารถกดลิงค์ “ค้นรูป” จะได้รูปภาพดังภาพด้านล่าง
4. การค้นหาข้อมูลระดับสูงหรือการค้นหาแบบพิเศษสามารถกดเลือกที่ลิงค์ด้านล่างของหน้าจอดังภาพด้านล่าง
5. การค้นหาขั้นสูงของ google search engine สามารถกำหนดขอบเขตของการสืบค้นข้อมูลได้ดังภาพด้านล่าง
6. ตัวอย่างการป้อนคำเพื่อสืบค้นข้อมูลซึ่งมีการกำหนดเงื่อนไขในการสืบค้นเช่น “ทุกคำเหล่านี้”
“คำหรือวลีที่ตรงตามนี้” “และไม่มีคำเหล่านี้” จากตัวอย่างสามารถอธิบาย
เงื่อนไขในการสืบค้นได้ดังนี้ ให้ค้นข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบโดยมีคำว่า “เทคโนโลยี”
และมีคำหรือวลีที่ตรงกับคำว่า “คอมพิวเตอร์” และไม่ข้อมูลที่มีคำว่า “สารสนเทศ” มาแสดงที่
หน้าจอ
จากการกรอกข้อมูลตามเงื่อนไขในข้อที่ 6 จะได้ผลดังภาพด้านล่าง
ความหมายของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
การจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ (Information Storage and Retrieval – ISR) มีการกำหนดความหมายไว้หลากหลาย
โดยแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ การจัดเก็บ
สารสนเทศ (Information storage) และการค้นคืนสารสนเทศ (information retrieval)
การจัดเก็บสารสนเทศเป็นคำที่เกิดขึ้นควบคู่กับสถาบันบริการสารสนเทศในอดีต
มีความหมายครอบคลุมการจัดทำโครงสร้างและควบคุมบรรณานุกรม เป็นการจัดระบบ
โดยวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ จัดหมวดหมู่และทำบัตรรายการ บรรณานุกรม ดรรชนี สาระสังเขป ควบคุมบรรณานุกรม
การค้นคืนสารสนเทศในอดีตเป็นงานบริการช่วยผู้ใช้
ค้นหาทรัพยากรสารสนเทศ (information search) หรือ บอกให้ผู้ใช้รู้แหล่งจัดเก็บสารสนเทศ
งานค้นคืนสารสนเทศจึงเป็นงานค้นหาและช่วยผู้ใช้ค้น แนะนำและสอนผู้ใช้ อำนวย
ความสะดวกต่างๆ ให้ผู้ใช้ได้รับทรัพยากรสารสนเทศตามความต้องการ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานบริการสารสนเทศเมื่อปริมาณสารสนเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างมากมายมหาศาล
ทำให้ลักษณะงานของสถาบันบริการสารสนเทศปรับเปลี่ยน
ไปสถาบันบริการสารสนเทศไม่มุ่งจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศมารวบรวมไว้แต่เน้นการคัดเลือกและหาแหล่งเพื่อการเข้าถึง
ใช้คอมพิวเตอร์จัดทำเครื่องมือช่วยค้นคว้าในลักษณะ
ฐานะข้อมูลต่างๆ และใช้ค้นคืนให้บริการ รวมทั้งเชื่อมโยงการค้นไปยังแหล่งต่างๆ ได้ การจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
จึงมีความหมายถึงการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
ในขอบเขตที่กว้าง คือทั้งก่อนและหลังการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ขึ้น
ความหมายของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศในทางทฤษฎีและปฏิบัติดังนี้ การจัดเก็บสารสนเทศ หมายถึง
การจัดโครงสร้างและควบคุมทางบรรณานุกรมโดยใช้
คอมพิวเตอร์ ด้วยวิธีการทำรายการและข้อมูลบรรณานุกรมในลักษณะเก็บข้อมูลเข้าแฟ้มข้อมูล จัดเตรียมแฟ้ม
รวมไปถึงการจัดทำสื่อจัดเก็บข้อมูลลักษณะต่างๆ และฐานข้อมูลเพื่อ
การค้นหาและค้นคืนสารสนเทศ
การจัดเก็บซึ่งรวมทั้งการจัดหา/ได้รับสารสนเทศหรือสามารถระบุทรัพยากรสารสนเทศที่ อยู่ในแหล่งจัดเก็บ
โดยใช้ป้ายระบุข้อมูลหรือชื่อเขตข้อมูลหรือแท็ก (tag) คำแทน
สาระเพื่อการค้นคืนทรัพยากรสารสนเทศ
การจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศและการทำป้ายระบุข้อมูลในวิธีการที่จะใช้ประโยชน์เพื่อการค้นคืนสารสนเทศ
ทั้งเพื่อสามารถระบุได้ว่ามี
ทรัพยากรอะไร จัดเก็บไว้ในแหล่งใดของสถาบัน ทรัพยากรใดเก็บไว้ในแหล่งเดียวกันหรือต่างแหล่ง
ความหมายของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
เป็นทั้งการดึงหรือค้นเอกสารย้อมหลังที่จัดเก็บไว้ตามหัวข้อที่ต้องการ (retrospective searching)
การค้นตามหัวข้อความสนใจและความต้องการของผู้ใช้จากทรัพยากร
สารสนเทศที่เข้ามาใหม่ทุกครั้ง (routing) หรือการค้นให้ผู้ใช้เพื่อบริการสารสนเทศทันสมัย (current awareness
service) การค้นเอกสารผู้ค้นทำการค้นจากเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยตรงหรือเครื่องที่เชื่อมโยงเข้าระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรแกรมจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศ
รวมทั้งเชื่อมสู่อินเทอร์เน็ต ทั้งนี้เพื่อการใช้ประโยชน์ต่างๆ ของผู้ใช้
การเข้าถึง (access)
เป็นวิธีการที่ผู้ใช้สามารถค้น ค้นหา ค้นคืน และได้รับสารสนเทศที่ต้องการ
สารสนเทศที่เข้าถึงเป็นทรัพยากรสารสนเทศที่สถาบันบริการสารสนเทศและแหล่งต่างๆ
จัดไว้บริการผู้ใช้
การค้นหา (searching)
เป็นการป้อนคำสั่งโดยผู้ค้นเตรียมประโยคคำค้นไว้แล้ว และปฏิสัมพันธ์กับระบบค้นคืนและพิจารณาผลที่ได้รับ ซึ่งเป็นขั้นตอนในกระบวนการค้นหา(searching process)
การสำรวจเลือกดู (browsing)
เป็นการปฏิสัมพันธ์ในลักษณะตรวจสอบดูเอกสารและทำการเลือกเพื่อหารายการสารสนเทศที่ตนสนใจ หรือเป็นการดูสารสนเทศทั่วไป
หรือภาพรวมของรายการตามหัวข้อ
ที่เป็นจุดมุ่งหมาย
สรุปการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
เป็นกระบวนการทั้งการคัดเลือกควบคุมโครงสร้างสารสนเทศ
การจัดหาการจัดเก็บสารสนเทศเพื่อการเข้าถึงและกระบวนการสำคัญใดๆ ในการแสวงหาทรัพยากร
สารสนเทศ ซึ่งครอบคลุมการค้นหา การดึงสารสนเทศที่เข้าเรื่อง
เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะจากแหล่งต่างๆทั้งแหล่งจัดเก็บภายในและแหล่งภายนอก เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับสารสนเทศ
หรือรายการทรัพยากรสารสนเทศ ซึ่งบรรจุเนื้อหาตรงตามต้องการและในการบริการจะนำส่งให้ผู้ใช้อย่างรวดเร็วทันการณ์
ทั้งนี้การจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศเป็นระบบที่จัดทำ
ทั้งด้วยแรงงานคนและด้วยคอมพิวเตอร์
ความสำคัญของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
เป็นกระบวนการทั้งการคัดเลือกควบคุมโครงสร้างสารสนเทศ การจัดสังคมสารสนเทศ (information age)
เกี่ยวข้องโดยตรงกับพัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
และการสื่อสารในการจัดบริการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ จากภาวะการเพิ่มปริมาณสารสนเทศอย่างรวดเร็วท่วมท้น
(information explosion) ซึ่งเป็นผลของการทุ่มเทวิจัย
และพัฒนาความก้าวหน้าและขยายตัวทางการศึกษาในระดับสูง
มีสารสนเทศผลิตออกมาหลายสาขาวิชาทั้งสาขาวิชาใหญ่และสาขาวิชาย่อย วิชาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์มี
ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากมายหลายรูปแบบ อาทิ ไมโครฟิล์ม ภาพยนตร์ เทปบันทึกเสียง วีดิทัศน์ และสื่อคอมพิวเตอร์
ซึ่งต้องใช้เครื่องมือในการเข้าถึง อ่านและใช้สารสนเทศ
สารสนเทศที่ผลิตจากแหล่งต่างๆ กันประเทศในยุโรป อเมริกา เอเชียใช้ภาษาต่างๆ กัน เป็นอุปสรรคแก่ผู้ใช้
สารสนเทศเรื่องเดียวกันมีการผลิตซ้ำซ้อนหลายรูปแบบ เป็นมลพิษทาง
สารสนเทศ เหล่านี้เป็นปัญหาในการเข้าถึงและเข้าใช้สารสนเทศ
การเข้าถึงสารสนเทศที่ดีมีคุณภาพจำเป็นต้องมีการคัดเลือกดำเนินการ มีการลงทุนเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นหน้าที่ของ
สถาบันบริการสารสนเทศ
1. ความสำคัญของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศต่อสถาบันบริการสรสนเทศ
การจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศมีความสำคัญต่อสถาบันบริการสารสนเทศในด้านต่างๆ ดังนี้
1) เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตสารสนเทศและแหล่งทรัพยากรสารสนเทศกับผู้ต้องการใช้สารสนเทศ
2)
ก่อให้เกิดการส่งเสริมในการถ่ายโอนและไหลของสารสนเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างผู้ต้องการใช้สารสนเทศกับแหล่งทรัพยากรสารสนเทศ
และมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองความต้องการใช้สารสนเทศ
3) เป็นการกลั่นกรองสารสนเทศในช่องทางถ่ายโอนสารสนเทศที่เป็นทางการ
ซึ่ช่วยคัดเลือกตรวจสอบทรัพยากรสารสนเทศเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับและใช้สารสนเทศ
ที่มีคุณภาพ
4) เป็นงานหลักที่เชื่อมโยงระบบบริการต่างๆ และระบบงานของสถาบันบริการสารสนเทศ เช่น ระบบยืมคืนสารสนเทศ
ระบบจัดทำสำเนาเอกสารเพื่อส่งเสริมให้
เกิดการใช้สารสนเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
5) ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับสารสนเทศที่ถูกต้อง โดยการค้นคืนตรงตามความต้องการและทันต่อเวลา เพื่อการใช้ประโยชน์ต่างๆ
ตามนโยบายและวัตถุประสงค์ของสถาบัน
บริการสารสนเทศ
2. ความสำคัญของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศต่อผู้ใช้
การจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศมีความสำคัญต่อผู้ใช้ในการขจัดปัญหาต่างๆ ในการเข้าถึงสารสนเทศ
ระบบที่จัดทำขึ้นมุ่งช่วยสร้างความคิดแก่ผู้ใช้ในการเข้าถึงงาน
ของผู้เขียน เป็นการสร้างความคิดให้ตรงกับแนวคิดที่ผู้เขียนได้เสนอไว้ในทรัพยากรสารสนเทศเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้
ดังนี้
1) เปิดโอกาสให้ผู้ใช้เข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศทุกประเภท
ทั้งภายในสถาบันบริการสารสนเทศและแหล่งทรัพยากรทั่วโลกได้อย่างเสรี ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย
ในเรื่องสิทธิของการใช้สารสนเทศ
2) ให้ความสำคัญแก่ผู้ใช้ประเภทต่างๆ โดยจัดให้มีวิธีการและเครื่องมืออำนวยความสะดวก เครื่องมือการค้นคืนที่เหมาะสม
เพื่อให้ผู้ใช้ค้นคืนได้ด้วยตนเองหรือโดยผ่าย
ผู้ให้บริการ ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือแนะนำและค้นคืนสารสนเทศให้แก่ผู้ใช้
3) มีการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ โดยเฉพาะในยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีต่างๆ
เพื่อให้เกิดความรวดเร็วทั้งวิธีการ
จัดหา จัดเก็บ และการค้นคืนสารสนเทศ ทั้งนี้เพื่อเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้
4) ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับสารสนเทศที่ถูกต้อง ตรงตามความต้องการเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ทั้งในชีวิตประจำวัน
ในการศึกษาค้นคว้าวิจัยในการปฏิบัติงาน บริหารงาน
หรือตอบสนองความสนใจต่างๆ
5) สนับสนุนผู้ใช้ให้ สามารถประเมิน แยกแยะ ทำความเข้าใจ เชื่อมโยงความคิดของสารสนเทศเพื่อการเลือกสรร ศึกษา แสวงหา
ติดตามสารสนเทศได้ด้วยตนเองเป็น
ผู้เรียนแบบพึ่งตนเองตลอดไป
ทฤษฎีพื้นฐานและการประเมินระบบจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
ทฤษฎีพื้นฐานในการจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับระบบจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศและตัวแบบพฤติกรรมสารสนเทศแนวคิด
พื้นฐานพิจารณาการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศในเชิงระบบ กล่าวถึงองค์ประกอบสำคัญของระบบจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศ
ได้แก่ทรัพยากรสารสนเทศ ฐานข้อมูล และผู้ใช้
ตัวแบบพื้นฐานในการจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศ การจัดเก็บและการค้นคืนเป็นระบบในเชิงจุลภาคคือระบบค้นคืนสารสนเทศ
ประกอบด้วย ข้อมูลนำเข้า การประมวลผล ผลลัพธ์
และข้อมูลป้อนกลับ ทำหน้าที่สำคัญคือวิเคราะห์เนื้อหาเอกสารวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ และจับคู่โดยมีระบบย่อย 6
ระบบร่วมกันทำงานต่างๆ ตัวแบบพฤติกรรมสารสนเทศ
เป็นตัวแบบที่อธิบายพฤติกรรมสารสนเทศทั้งในเชิงที่มา ได้แก่ ความต้องการสารสนเทศ และในเชิงพฤติกรรมคือกิจกรรมต่างๆ
คือการค้นหา การถ่ายโอน และการใช้สารสนเทศ
การประเมินระบบจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศ เป็นเรื่องของแนวคิดเกี่ยวกับการประเมินระบบจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศ
ขั้นตอนต่างๆในการประเมินระบบตั้งแต่การ
กำหนดขอบเขตการประเมินจนถึงการปรับปรุงแก้ไขระบบและการวิจัยที่สำคัญในระยะเวลาต่างๆ
เทคโนโลยี และมาตรฐานในการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ คือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูลและการสื่อสาร
จำแนกเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึก จัดเก็บและแสดงผล
เทคโนโลยีในการค้นคืนสารสนเทศเกี่ยวกับดรรชนีคำค้น เทคนิคการค้นคืน และการเลือกฐานข้อมูล เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
และการค้นคืนสารสนเทศการประยุกต์เทคโนโลยีไฮเปอร์
มีเดียในการค้นคืนสารสนเทศ
มาตรฐานสำคัญในการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเภท
ความสำคัญและองค์การที่เกี่ยวกับมาตรฐานในการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
ประเภทของมาตรฐานมุ่งเน้นมาตรฐานที่นำมาใช้ในการทำงานด้านต่างๆ ทั้งในการสื่อสารข้อมูล
การจัดเก็บและการค้นคืนรูปแบบต่างๆ และมาตรฐานเฉพาะแต่ละงาน
การค้นหาและค้นคืนสารสนเทศ
การค้นหาและค้นคืนสารสนเทศมีพัฒนาการการค้นหาด้วยระบบมือมาเป็นค้นคืนสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
กระบวนการค้นหาสารสนเทศมีขั้นตอนต่างๆตั้งแต่ทำความ
เข้าใจความต้องการของผู้ใช้จนถึงค้นหาและพิมพ์ผลลัพธ์ กลยุทธ์ในการค้นคืนสารสนเทศที่สำคัญคือการสัมภาษณ์
การวิเคราะห์ คำถามและใช้การเทคนิคการค้นคืน ใช้ศัพท์บังคับ
ศัพท์ไม่ควบคุมหรือภาษาธรรมชาติ และคำสั่งที่จำเป็นต่างๆ ตัวแบบการค้นคืนสารนเทศ เช่น
ตัวแบบบูเลียนตัวแบบความเป็นไปได้ และตัวแบบอื่นๆ
การค้นคืนสารสนเทศออนไลน์และการค้นคืนสารสนเทศจากมัลติมีเดีย เป็นการค้นคืนจากฐานข้อมูลดิจิทัล
โดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคมเป็น
อุปกรณ์ช่วยการค้น มีพัฒนาการ และองค์ประกอบของการค้นคืนจากฐานข้อมูลออนไลน์
ฐานข้อมูลออนไลน์นอกจากให้ข้อมูลบรรณานุกรม ยังให้บริการข้อมูลเนื้อหาเต็มตลอดจน
ภาพกราฟิก ส่วนฐานข้อมูลมัลติมีเดีย สารสนเทศที่เป็น ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว
และเป็นการค้นคืนสารสนเทศไฮเปอร์เท็กซท์
การค้นคืนสารสนเทศในยุคดิจิทัล มีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาระบบค้นคืนสารสนเทศ โดยประยุกต์ศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์
การรวบรวม ถ่ายทอดความรู้และ
ประสบการณ์
การแทนความรู้และประสบการณ์เพื่อนำไปประมวลเพื่อทำงานลักษณะใช้ปัญญาเพื่อแก้ปัญหาได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด
ขอบเขตงานวิจัยเกี่ยวกับระบบ
ผู้เชี่ยวชาญระบบประมวลภาษาธรรมชาติ โปรแกรมตัวแทนอัจฉริยะ โดยเฉพาะที่ใช้ในงานค้นคืนสารนเทศ
งานวิจัยระบบการค้นคืนสารสนเทศหลายภาษา ระบบค้นคืนสารสนเทศ
จากการอ้างอิงการค้นคืนสารสนเทศที่ผนวกผลป้อนกลับด้านความสัมพันธ์กับเนื้อหาและส่วนต่อประสานผู้ใช้แบบวิชวลไลเซชันในระบบค้นคืนสารสนเทศ